ตอนที่ 2 วางแผนสร้างบ้าน

หลังจากที่ได้โฉนดที่ดินมาครอบครองแล้ว ต่อไปก็คือ เรื่องการวางแผนสร้างบ้าน เราก็ได้ศึกษาเพิ่มเติม จึงได้ความรู้เพิ่มว่า แนวทางการสร้างบ้านเอง มันก็มีหลายแนวนะ แล้วแต่ใครสะดวกแบบไหน เช่น
              1. เลือกเอาแบบบ้านสำเร็จรูป ที่มีขายทั่วไป ตามในหนังสือหรือเวบไซต์ หรือเลือกเอาแบบบ้านที่แจกฟรีจากเทศบาล 
              2.จ้างคนเขียนแบบบ้านให้
              3. จ้างสถาปนิกเขียนแบบและคุมงานก่อสร้างให้ตรงตามแบบ

              แต่ละอย่าง ก็จะมีข้อดีข้อเสียในตัวมันเอง เราเองในฐานะที่ได้ลองจะทำมาทั้ง 3 แบบหมดแล้ว ขอสรุปข้อดีข้อเสียไว้ประมาณนี้เลยค่ะ

เลือกแบบบ้านสำเร็จรูป

ข้อดี:            

  • ราคาไม่แพง สามารถเลือกได้หลากหลายแบบตามที่ตรงใจ
  • บางเจ้า สามารถปรับแบบได้ตามที่เราต้องการ แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
  • ประหยัดเวลา เพราะเพียงสั่งซื้อ ก็สามารถได้แบบที่พร้อมไปขออนุญาตปลูกสร้างได้เลย

ข้อเสีย:

  • การซื้อแต่แบบ อาจจะไม่ได้มีสถาปนิก ไว้คอยปรึกษา หากในช่วงก่อสร้างมีการแก้ไขหรือปรับแบบ
  • ต้องมีการปรับสเกล เพื่อให้ลงแล้วเหมาะสมกับที่ดินของเรา ซึ่งอาจจะปรับได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับสถาปนิกที่ออกแบบ
  • รายะเอียดส่วนดีเทล อาจจะไม่ตรงใจเราทั้งหมด หรือห้องบางห้อง อาจไม่เหมาะสมกับทิศของที่ดินเรา จึงต้องดูรายละเอียดตรงส่วนนี้ดีๆ

จ้างคนเขียนแบบให้

ข้อดี:

  • ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับการจ้างสถาปนิก เขียนแบบและดูแลระหว่างที่ก่อสร้าง จากที่สอบถามราคา ตกประมาณ 300-500 บาท ต่อตร.ม.
  • ได้ออกแบบใหม่เองเลย ตามความต้องการของเรา สามารถปรับให้ลงที่ดินได้อย่างเหมาะสม และทิศทางลมต่างๆด้วย

ข้อเสีย:

  • ถ้าได้เจ้าที่ดูแลไปจนถึงงานก่อสร้างแล้วเสร็จเลยก็ดีไป แต่ถ้าเค้าดูแลถึงแค่เขียนแบบจนขออนุญาตเสร็จ อันนี้ต้องพึงระวังไว้ว่า ต่อให้คิดมารอบคอบแล้วแค่ไหน ยังไงก็ต้องมีการปรับแบบแน่นอน ถ้า ผู้รับเหมาของเรา ไม่สามารถ shop drawing ให้เราได้ แล้ว เราไม่สามารถที่จะติดต่อคนเขียนแบบ ให้วาดให้เราใหม่ได้ อันนี้ ก็อาจจะมีปัญหาได้
  • คนเขียนแบบ อาจจะไม่ได้มาดูพื้นที่จริง เพียงแค่ตรวจสอบโฉนดที่ดินจากใน website ว่าสภาพแวดล้อมที่ดินของเราเป็นประมาณไหน และวาดออกมาตามทิศทางและแสงแดดที่ควรจะเป็น

จ้างสถาปนิกเขียนแบบและคุมงานก่อสร้างให้ตรงตามแบบ

ข้อดี:

  • ได้แบบที่ตรงใจแน่นอน ออกแบบมาได้ตรงกับลักษณะของที่ดิน และทิศทางลม ปรับเปลี่ยนปรับแต่งได้ตามต้องการ
  • ระหว่างการก่อสร้าง มีสถาปนิก คอยช่วยแก้แบบ ปรับแบบ หรือเคลียร์แบบ ให้ผู้รับเหมา สามารถทำงานได้ตรงตามที่ออกแบบไว้

ข้อเสีย:

  • ไม่มีอะไรมาก นอกจาก ราคาสูง เนื่องจากถือว่า เป็นค่าวิชาชีพ สถาปนิก ต้องสอบใบประกอบ ถึงจะสามารถมีใบอนุญาต มาออกแบบให้เราได้ การเขียน Drawing ก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ไม่ว่า จะเป็น งานของด้านโครงสร้าง หรือ สุขาภิบาล ที่ต้องเป็นวิศวกรเฉพาะด้าน เป็นผู้เขียนให้ นอกจากนี้แล้ว การที่สถาปนิก ลงมาควบคุมดูแลงานสร้างบ้านของคุณให้เป็นไปตามที่ออกแบบไว้ ก็ถือว่าเป็นการลงแรงและเวลาอีก ดังนั้น ค่าใช้จ่ายในส่วนพวกนี้ จึงถูกคิดเหมารวมไปแล้วกับค่าออกแบบ

โดยสรุป แต่ละแบบก็จะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่า ใครรับข้อดีข้อเสียตรงจุดไหนได้

สำหรับเราแล้ว เรามีข้อจำกัดด้านงบประมาณ และเราต้องการให้มีคนคุมงานช่วงก่อสร้างให้เรา แต่คนๆนั้น เราคิดว่าไม่จำเป็นต้องเป็นสถาปนิกก็ได้ ที่เราต้องการคือ เราต้องการให้บ้านแข็งแรง โครงสร้างมั่นคง และเราคงจะไม่ได้มีเวลาไปเฝ้าผู้รับเหมาตลอดว่าใส่เหล็กผิดสเป็กหรือเปล่า แต่พวกงานสถาปัตกรรม เราพอดูเองได้ ตรงไหนที่ไม่เป๊ะ ไม่เนียบ และหากเวลาที่มีการปรับแบบ เราต้องการคนที่จะยังติดต่อคนเขียบแบบได้อยู่ ยังต้องการให้เค้ารับผิดชอบการเขียนแบบนั้น ต่อไปจนสร้างเสร็จ ไม่ใช่จบแค่งานขออนุญาตปลูกสร้าง

ดังนั้น ทางเลือกของเรา จึงมาจบลงที่ หาบริษัทที่ควบคุมงานก่อสร้าง หรือที่ปรึกษาสร้างบ้าน และสามารถรับงานออกแบบและเขียนแบบโดยสถาปนิก ไปด้วย เรารู้สึก(เอาเอง) ว่ามันเป็นตัวเลือกที่อยู่กลางๆ และลงตัวกับเรา และงบประมาณก็ไม่มากจนเกินไป ส่วนจะคิดถูกหรือคิดผิดนั้น มาคอยติดตามดูตอนต่อไปกันค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *